" วิรัติ " ในวันเข้าพรรษา

      

                 ในระยะเข้าพรรษานี้ พุทธศาสนิกชนนิยมไปวัดเพื่อทำบุญและอธิษฐานใจว่าจะงดเว้นการทำบาปทั้งปวง การงดเว้นจากบาปเรียกว่า วิรัติ ๓ และ อบายมุข ๖

                 วิรัติ หมายถึง การงดเว้นจากบาปและความชั่วต่างๆ จัดเป็นมงคลธรรมข้อหนึ่งจำแนกออกเป็น ๓ ประการ คือ


      

                 - สัมปัตตวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากความชั่ว เพราะมีหิริความหายชั่วและโอตตัปปะ ความกลัว บาป นั่นคือ เมื่อมีเหตุการณ์ที่เป็นใจให้เราทำผิดหรือทุจริตคอร์รัปชั่น เราสามารถห้ามใจตัวเองได้เพราะรู้สึกอายตัวเอง หรือเพราะกลัวเสียหน้า กลัวเสียเกียรติ เป็นต้น

                 - สมาทานวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยการสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ จากพระสงฆ์โดยเพียรระมัดระวังไม่ทำให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย แม้มีสิ่งยั่วยวนภายนอกก็ไม่หวั่นไหวหรือเอนเอียง

                 - สมุจเฉกวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาด ข้อนี้ เป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้า ถึงกระนั้น สมุจเฉกวิรัติอาจนำมาประยุกต์ใช้กับบุคคลทั่วไปนั่น คือ ผู้งดเว้นบาป ความชั่วละอบายมุขต่าง ๆ ในระหว่างพรรษากาลได้แล้ว แม้ออกพรรษาแล้วก็ไม่กลับไปกระทำหรือข้องแวะบาป เหล่านั้นอีก เช่น กรณีผู้งดเว้นจากการดื่มสุราและสิ่งเสพติดระหว่างพรรษาแล้วก็งดเว้นได้ตลอดไป

                 อบายมุข หมายถึง ช่องทางของความเสื่อม เหตุเครื่องฉิบหาย เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ ทางแห่ง ความพินาศ มี ๖ ทาง ได้แก่ ติดสุราและของมึนเมา ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบเที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านการ งาน

                 เทศบาลเมืองเมืองพล จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนในวันเข้าพรรษานี้ ร่วมกันยึดถือวิรัติเพื่อสร้างสังคมไทยให้เกิดสันติสุข ในวันเข้าพรรษา คือ การให้ทาน ( บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ) รักษาศีล ( กายและวาจา ) และ เจริญภาวนา ( สวดมนต์ไหว้พระ )

                 เอกสารอ้างอิง หนังสือการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา




ผู้ป้อนข้อมูล [ผู้ดูแลระบบ] วันที่ 28 ก.ค. 2551

ปิดหน้านี้